วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้


1. ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.


2. นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์


3. พระนาม 'ภูมิพล' ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7


4. พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช


5. ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก


6. ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า 'H.H Bhummibol Mahidol'หมายเลขประจำตัว 449


7. ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือ สมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า 'แม่'

8. สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง


9. แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย ได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม

10. สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง
ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต


11. สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า'บ๊อบบี้'

12. ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ

13. สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว


14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ


15. ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก 'การให้' โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า 'กระป๋องคนจน' เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก 'เก็บภาษี' หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน


16. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า
'ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน'


17. กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์
เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
18. ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง


19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก 'การเล่น' สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง


20. สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์











21. ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)


22. ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้


23. ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส

24. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ 'แสงเทียน' จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง


25. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง 'เราสู้'



26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5

27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย


28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง 'นายอินทร์' และ 'ติโต' ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ 'พระมหาชนก' ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์



29. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น'กีฬาซีเกมส์') ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510


30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน


31. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ 'กังหันชัยพัฒนา' เมื่อปี 2536


32. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว


33. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง


34. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร



35. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า'น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง


36. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริ กิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท

37. หลังอภิเษกสมรส ทรง'ฮันนีมูน'ที่หัวหิน

38. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน


39. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

40. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น


41. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา

42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ


43. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม

44. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง


45. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ

46. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ

47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน

48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรท่ามกลางสายฝน

49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน


50. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้


51. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด


52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า 'ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ


53. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง
(20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน

54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา

55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย

56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก

57. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดา เป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง

58. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง

59. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก

60. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง

61. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก

62. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว


63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ

64. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว


65. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า 'นายหลวง' ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง

66. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน

67. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า 'ทำราชการ'

68. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี


69. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า'อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก'

70. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด

71. หัวใจทรงเต้นไม่ปรกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า
ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี

72. ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์


73. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน


74. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน


75. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง


76. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง


77. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด

ประวัติคุณทองแดง


คุณทองแดงเกิดที่ซอยศูนย์แพทย์พัฒนาเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 41 แม่ของทองแดงชื่อ แดง
คุณทองแดงมีพี่น้องอยู่ 6 ตัว คือ คาลัว หนุน ทองเหลือง (ตัวผู้ตัวเดียว) ละมุน โกโร และ โกสน
คนงานในหมู่บ้านที่กำลังก่อสร้าง ได้นำกล่องกระดาษใบใหญ่มาทำเป็นบ้านให้ชาวบ้านช่วยเลี้ยงดู เอา
กระดาษหนังสือพิมพ์ และผ้าเช็ดตัวมาปูให้ รวมทั้งป้อนนมให้ลูกสุนัข เพราะไม่มีนมให้ลูกกิน




ลักษณะของคุณทองแดง

คุณทองแดงมีลักษณะแตกต่างจากพี่น้อง คือ มีสายสร้อยรอบคอครึ่งเส้น ถุงเท้าขาวทั้ง 4 ขา หางม้วน ที่สำคัญคือ จมูกแด่นและหางดอกสีขาวจากลักษณะของคุณทองแดง คือมีหางที่ ม้วนหนึ่งรอบครึ่ง ประกอบกับหางมีดอกสีขาว และ มีรูปร่างสูงเพรียว และ สง่างามคล้ายกับสุนัขพันธุ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงระลึกว่า เคยทอดพระเนตรเห็นในหนังสือเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ เมื่อทรงค้นในหนังสือเล่มนั้น ก็ปรากฎว่า ทองแดงมีลักษณะบางประการคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์ บาเซนจิ














ความกตัญญูรู้คุณของทองแดง

คุณทองแดงเป็นสุนัขกตัญญูรู้คุณ ดังที่กล่าวแล้ว เมื่อมาใหม่ ๆ คุณทองแดงอายุเพียง 5 อาทิตย์ จึงต้องอาศัยนม แม่มะลิ เป็น หมาเทศ คุณทองแดงไม่เคยลืมคุณ แม่มะลิ ตอนแรกคุณทองแดงไม่เคยอยู่ห่าง แม่มะลิ คอยติดตามแม่นมตลอดเวลาแม้เลิกกินนมแล้ว แม้ลูกสุนัขตัวอื่นจะออกไปวิ่งเล่น คุณทองแดงมักจะคลอเคลียแม่มะลิ เลียหน้าเลียตาประจบประแจง บางทีแม่มะลิสอนให้ทองแดงไปคาบกิ่งไม้ (เมื่ออายุ 3 เดือน) ต่อมาเมื่อแยกกันอยู่ เมื่อมาพบกันทองแดงก็ยังเคารพ แม่มะลิ ผิดกับคนอื่นที่เมื่อกลายมาเป็นคนสำคัญแล้วมักจะลืมตัว และดูหมิ่นผู้มีพระคุณ ที่เป็นคนต่ำต้อย




คุณทองแดงสอนลูก

ทองแดง นอกจากกตัญญูต่อผู้มีพระคุณแล้ว ยังสอนลูกให้เป็นระเบียบอีกด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จทอดพระเนตรการฝึกสุนัขที่ชุดของทองแดง
9 ตัว คือ ทองชมพูนุช ทองเอก ทองม้วน ทองทัต ทองพลุ ทองหยิบ ทองหยอด ทองอัฐ และทองนพคุณ ทองแดงไม่ได้ร่วมฝึกด้วย เพราะทำหน้าที่ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีอยู่ตอนหนึ่งที่ครูฝึกจูงสายจูงให้สุนัขคอยอยู่ตรงกลางเป็นวงกลม แล้วสั่งให้วิ่งเข้าหาครูฝึก แต่ปรากฎว่าทุกตัวกลับแตกแถววิ่งเข้ามาเฝ้า ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันหมด ทองแดงจึงออกโรงทำหน้าที่จัดระเบียบ โดยเข้าขู่และงับลูกให้กลับเข้าที่จนกระทั่งครูฝึกมาถึงเอาตัวไป จึงเรียบร้อยได้




วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

ที่มาของหนังสือการ์ตูน "คุณทองแดง"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..กับคุณๆ 4 ขา

ตอนที่ 1 เช้าวันใหม่ที่สดใส ของ คุณมะลิ


แต่เดิมนั้น ภายในพระตำหนักสวนจิตรลดาฯ เคยมี คุณๆ เพียงแค่ 4 คือ คุณสุดหล่อ คุณหมามุ่ย สุนัขพันธุ์ดัลเมเชี่ยน กับ คุณซูซี่ และคุณคุ้กกี้ ซึ่งเป็นสุนัขพันธ์ค้อกเกอร์ สแปเนียล


วันหนึ่ง .. หมาขี้เรื้อนขนยาว สีขาวจากข้างถนน ซึ่งเคยเรียกกันว่า อีมะลิ ก็มุดหลุดรอดเข้ามาภายในบริเวณกรงของ คุณๆ ในช่วงระยะที่กำลังเป็นสัด พร้อมที่จะผสมพันธุ์ คุณสุดหล่อ กับคุณหมามุ่ย ก็เลยขึ้นไปผสม กระทั่งเจ้าหน้าที่ภายในวังมาเห็นเข้าจึงจับไปส่งให้ กทม เมื่อความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปรับ กลับมาเลี้ยงดู


ในช่วงระยะที่นำ คุณมะลิ กลับมาเลี้ยงดูฟูมฟักเพื่อให้หายจากการเป็นขี้เรื้อน โดยฝากไว้ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คุณมะลิ ก็เริ่มเปล่งปลั่งขึ้น ขี้เรื้อนหายไป และปรากฎว่า คุณมะลิ ตั้งท้อง และได้คลอดลูกออกมาทั้งหมด 9 ตัว ซึ่งเป็นลูกของ คุณสุดหล่อ กับคุณ หมามุ่ย คุณหมอนพกฤษณ์ จันทิก นายสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นนายสัตวแพทย์ซึ่งร่วมดูแลสุนัขของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับทีมนายสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เล่าว่า

หลังจาก คุณมะลิ คลอดลูกได้ครบ 1 อาทิตย์ โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ส่ง คุณมะลิ และลูกๆ กลับเข้าวัง ซึ่งครอบครัวของ คุณมะลิ ก็ได้สร้างความเกษมสำราญให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก





นายสัตวแพทย์นพกฤษณ์เล่าว่า พอมีลูกสุนัข 9 ตัวเข้ามาอยู่ในวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็คงจะทรงมีพระเกษมสำราญขึ้นมาก เสด็จพระราชดำเนินมาทรงถ่ายรูปลูกสุนัขทั้ง 9 ด้วยพระองค์เองทุกวัน ตอนช่วงที่ลูกหมาคลอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงละเอียดมาก มีรับสั่งให้จดวันที่และเวลา เป็นนาทีนะครับ รวมทั้งชั่งน้ำหนักแรกคลอด ถวายรายงานให้พระองค์ท่านทราบ หลังจากนั้นก็ยังต้องชั่งน้ำหนักถวายรายงานพระองค์ท่านทุกวัน



แม้กระทั่งภายหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานลูกๆของ คุณมะลิ ให้กับข้าราชบริพาร ที่ทรงเลือกสรรว่ารักสุนัขจริงๆไปแล้ว ก็ยังมีรับสั่งด้วยความเป็นห่วงให้ถ่ายรูปลูกหมามาส่ง และให้ชั่งน้ำหนักลูกหมามาถวายรายงานให้พระองค์ท่านทราบอย่างน้อยเดือนละครั้ง



..........................................................................................................

ตอนที่ 2 คุณทองแดง สุนัขประจำรัชกาล




หลังจากที่ คุณมะลิ มีลูกเล็กๆได้ไม่นาน คุณทองแดง ลูกสุนัขเทศ
(ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงย่อมาจากคำว่า เทศบาล) ก็ได้เข้ามาอยู่ในพระราชวัง พระตำหนักสวนจิตรลดาฯบ้าง คุณทองแดง เป็นลูกของ นังแดง สุนัขจรจัดบริเวณถนนพระราม 9 โดยมีนายแพทย์คนหนึ่งนำ ทองแดง มาทูลเกล้าถวายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดศูนย์การแพทย์พระราม 9


เมื่อทอดพระเนตร คุณทองแดง แล้วก็มีรับสั่งว่า ให้นำเข้ามาเลี้ยงเพราะ แม่ของ
คุณทองแดงในเวลานั้นมีสภาพโทรมมาก ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงยก คุณทองแดง ให้เป็นลูกเลี้ยงของ คุณมะลิ เพราะ คุณทองแดง ในเวลานั้นอายุน้อยกว่าลูกๆของคุณมะลิ แค่วันเดียว ซึ่ง คุณมะลิ ก็ต้อนรับลูกใหม่เป็นอย่างดี ไม่มีความรังเกียจ และรัก คุณทองแดง เหมือนลูกของตัวเอง


จากที่เคยมีลูกสุนัข 9 ตัว คุณมะลิ จึงต้องให้นมลูกถึง 10 ตัว แต่เนื่องจาก คุณมะลิ แข็งแรง มีอาหารการกินดีจึงทำให้มีน้ำนมเพียงพอสำหรับการเลี้ยงลูกทั้ง 10 ได้



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชื่นชม คุณมะลิ ในฐานะที่เป็นแม่หมาตัวอย่างอยู่บ่อยๆ เพราะไม่มีความรังเกียจเดียดฉันท์ลูกหมา อย่าง คุณทองแดง ซึ่งไม่ใช่ลูกของตัวเองเลย ในบางครั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงใช้เรื่องของ ?คุณมะลิ? มาเป็นคติสอนคนหลายๆคน

จากที่เคยเป็นลูกหมาจรจัด พี่น้องถูกรถทับตายไปวันละตัวสองตัว คุณทองแดง ก็เข้ามาอยู่ในวังส่วน นังแดง แม่ของ คุณทองแดง ต่อมาก็มีผู้รับไปเลี้ยงดูฟูมฟัก เมื่อเข้ามาอยู่ในวัง คุณทองแดง ก็เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากเป็นสุนัขที่ชาญฉลาดมาก

มื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรียกให้คุณทองแดงขึ้นเฝ้า เพื่อที่จะทรงชั่งน้ำหนัก แค่เพียงรับสั่งว่าทองแดงไปชั่งน้ำหนัก คุณทองแดง ก็จะทรงเดินขึ้นตาชั่ง หากตัวของ คุณทองแดง บังอยู่ คุณทองแดง ก็จะเบี่ยงตัวให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงก้มลงทอดพระเนตรสเกลได้สะดวก





หรืออย่าง เวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับที่พระตำหนักเปี่ยมสุข พระราชวังไกลกังวล และนำคุณๆไปด้วย ? เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงมาเพื่อทรงออกกำลัง ตรงถนนบริเวณชายหาดซึ่งมีต้นมะพร้าวอยู่ เพียงรับสั่งว่าอ้อมต้นมะพร้าว คุณทองแดงก็จะวิ่งอ้อมต้นมะพร้าวทันที โดยไม่ต้องมีการสอน ในขณะที่คุณอื่นๆ จะวิ่งเล่นสนุกสนานตามประสา และเมื่อวิ่งอ้อมต้นมะพร้าวไปสักครึ่งต้น คุณทองแดงก็จะหยุดหันมามองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหมือนจะถามว่าถูกไหมเพคะ ทำนองนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพยักพระพักตร์ หลังจากนั้นคุณทองแดงก็จะเดินหรือวิ่งต่อ



แล้วคุณทองแดงเป็นสุนัขที่ไม่เข้ามาเคลียคลอพระองค์ท่าน เวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน คุณทองแดงจะนำเสด็จอยู่หน้าพระองค์ท่าน เวลาพระองค์ท่านประทับนั่ง คุณทองแดงก็จะนั่งหมอบอยู่ด้านหน้า ใช้สองขาหน้าเกยกันเหมือนคนกำลังหมอบคลาน เป็นท่านี้ตลอด แล้วหันหน้าออกไปด้านนอกคอยระแวดระวังด้านนอกอย่างเดียว




ลักษณะเด่นของสุนัขพันธุ์บาเซนจิคือ ไม่เห่า ไม่มีกลิ่นตัว มีท่วงท่าสง่างาม ซึ่งคุณทองแดงมีขนาดตัวใหญ่กว่าสุนัขพันธุ์บาเซนจิทั่วไป พระองค์จึงทรงเรียกคุณทองแดงว่าเป็นสุนัขพันธุ์ไทยซูเปอร์บาเซนจิ คุณทองแดงนับว่าเป็นสุนัขที่ฉลาดและรู้ภาษามาก ไม่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะรับสั่งกับคุณทองแดงอย่างไร ก็จะรู้เรื่องและทำตามทุกอย่าง



แม้ว่าคุณทองแดงจะถูกหมายให้เป็นคู่กับคุณทองดำ แต่คู่ที่แท้จริงของคุณทองแดง กลับเป็นคุณทองแท้ สุนัขพันธุ์บาเซนจิ ซึ่งทั้งคู่ได้ให้กำเนิดสุนัข ๙ ตัวเมื่อ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๓ โดยมีชื่อเรียงกันดังนี้ ทองชมพูนุท-ทองเอก-ทองม้วน-ทองทัต-ทองพลุ-ทองหยิบ-ทองหยอด-ทองอัฐ และทองนพคุณ



ความสามารถพิเศษของคุณทองแดงคือ สามารถใช้โทรจิต เรียกสุนัขตัวอี่นๆให้มาเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ปรากฎให้เห็นหลายครั้ง โดยคุณทองแดงจะเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในระยะใกล้ชิดกับพระองค์เสมอ








ในขณะที่สุนัขทรงเลี้ยงตัวอื่น มักจะหลบมุม หรือวิ่งเล่นไปในบริเวณอื่นที่อยู่ห่างจาก สายพระเนตร เมื่อถึงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งให้คุณทองแดงไปตามสุนัขทรงเลี้ยงตัวใดมาก็ตาม คุณทองแดงก็เพียงแต่ลุกขึ้นยืนในระยะที่ไม่ห่างจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนัก แล้วส่งโทรจิต ตามสุนัขทรงเลี้ยงที่พระองค์รับสั่งมา สักพัก สุนัขทรงเลี้ยงตัวนั้นก็จะวิ่งมาหาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





นอกจากเรื่องการส่งโทรจิตของคุณทองแดงแล้ว ยังมีความสามารถในเรื่องของการรู้เวลา ซึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชภารกิจใดนานเกินเวลาที่จะเสด็จกลับพระตำหนัก คุณทองแดงจะเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วเลียพระหัตถ์หลายครั้ง เป็นสัญญาณเตือนว่า เลยเวลาจะเสด็จขึ้นพระตำหนักไปมากแล้ว ซึ่งพระองค์มักจะรับสั่งกับผู้ที่เข้าเฝ้าฯ เสมอว่า ทองแดงมาตามกลับแล้ว



เมื่อมีผู้มาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณทองแดงจะหมอบเฝ้าฯ อยู่ที่พระบาทไม่วิ่งไปไหน และจะหมอบขวางอยู่ระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯ หากระยะเวลาในการเข้าเฝ้าฯ นาน คุณทองแดงจะเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์และผู้มาเข้าเฝ้าฯ พร้อมกับถอนใจยาว แต่ก็ไม่ลุกไปไหน ยังคงหมอบเฝ้าอยู่เช่นนั้น




หรือเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับพักผ่อนพระอิริยาบถในที่ใดๆ หากคุณทองแดงเป็นเวรตามเสด็จ จะวิ่งนำหน้าลาดตระเวนไปก่อน และเมื่อพระองค์หยุดนั่งอยู่ที่ใด
คุณทองแดงก็จะเฝ้าฯ อยู่ใกล้ๆ หันหน้าไปด้านนอก ไม่ได้เข้ามาคลอเคลียพระองค์ท่านเหมือนกับสุนัขทรงเลี้ยงตัวอื่น และคุณทองแดงจะได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกครั้ง หลังจากที่ครั้งหนึ่ง ไม่ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งไปทรงงานที่สวนจิตรฯ นานไปหน่อย ทำให้คุณทองแดงเครียดเพราะคิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงกับล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล



คุณทองแดงเป็นสุนัขที่กตัญญู รู้คุณเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับแม่มะลิ ซึ่งเป็นเสมือนแม่นมของคุณทองแดง ที่แม้เมื่อแยกกันอยู่แล้ว ทุกครั้งที่คุณทองแดงพบกับแม่มะลิ จะแสดงความเคารพแม่มะลิอยู่เสมอ คุณทองแดง เป็นสุนัขตัวที่ ๑๗ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อมาครอบครัวของคุณทองแดง ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "สุวรรณชาด"